เมนู

[47] สัตตักขัตตุปรมบุคลล บุคคลชื่อว่า สัตตักขัตตุปรมะ
เป็นไฉน ?

บุคคลบางคนในโลกนี้ เพราะความสิ้นไปรอบแห่งสัญโญชน์ทั้ง 3
เป็นโสดาบัน มีอันไม่ไปเกิดในอบายเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยง จะได้ตรัสรู้
ในเบื้องหน้า บุคคลนั้นจะแล่นไป ท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ 7 ชาติ
แล้วทำที่สุดทุกข์ได้ บุคคลนี้เรียกว่า สัตตักขัตตุปรมะ.

อรรถกถาสัตตักขัตตุปรมบุคคล


วินิจฉัยในนิเทศแห่ง สัตตักขัตตุปรมบุคคล. คำว่า "สตฺตกฺขตฺตํ"
ได้แก่สิ้น 7 ครั้ง. การเกิดขึ้นในภพ กล่าวคือ การถือเอาซึ่งอัตภาพมี 7
ชาติเป็นอย่างยิ่งของบุคคลนั้นมีอยู่ เพราะเหตุนั้น บุคคลนั้นจึงชื่อว่า สตฺตกฺ-
ขตฺตุปรโม
แปลว่า ผู้มี 7 ชาติเป็นอย่างยิ่ง เพราะท่านไม่ถือเอาภพที่ 8
จากภพที่ 7 นั้นไป. อุริยมรรค ชื่อว่า "โสโต" แปลว่า กระแส ในคำนี้ว่า
"โสตาปนฺโน โหติ" บุคคลผู้ประกอบด้วยมรรคที่ชื่อว่าโสโตนั้น ชื่อว่า
โสดาบัน.
เหมือนอย่างคำที่พระองค์ตรัสไว้ว่า "ก็ สารีบุตร เรากล่าวคำนี้ว่า
"โสโต โสโต" ดังนี้ สารีบุตร "โสโต" เป็นไฉน ?" พระสารีบุตรกราบทูลว่า
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ มรรคมีองค์ 8 อันเป็นอริยะนี้ คือ สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ
สัมมาสมาธิ เท่านั้น ชื่อว่าโสโต." พระองค์ตรัสถามว่า "สารีบุตร เราเรียกว่า
โสดาบัน สารีบุตร โสดาบันนั้นเป็นไฉน ?
พระสารีบุตร กราบทูลว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บุคคลใดประกอบ
ด้วยมรรคมีองค์ 8 อันเป็นอริยะนี้ บุคคลนั้น ชื่อว่า พระโสดาบัน แม้ใน
ขณะแห่งมรรคอย่างนี้ว่า ท่านผู้มีอายุ มีชื่ออย่างนี้ หรือมีโคตรอย่างนี้ ก็

ชื่อของผลอันมรรคให้แล้ว เพราะเหตุนั้น พระโสดาบัน พระองค์จึงทรง
ประสงค์เอาในขณะแห่งผล.
บทว่า "อวินิปาตธมฺโม" ได้แก่ ภาวะคือการไม่ไปสู่อบายกล่าว
คือ วินิปาตด้วยสามารถแห่งอันเกิดขึ้น. บทว่า "นิยโต" ได้แก่ ชื่อว่า นิยตะ
คือ เที่ยงด้วยนิยามแห่งมรรค บทว่า "สมฺโพธิปรายโน" ได้แก่ ความเป็น
ผู้มีการตรัสรู้อันจะเป็นไปในภายหน้า. แท้จริง พระโสดาบันนั้น ย่อมตรัสรู้
ด้วยมรรคอันตนได้เฉพาะแล้ว เพราะฉะนั้น ท่านจึงชื่อว่า สัมโพธิปรายโน.
อีกอย่างหนึ่ง พระโสดาบันนั้น จักตรัสรู้ด้วยมรรคเบื้องบนทั้ง 3 โดยแน่แท้
เพราะเหตุนั้น ท่านจึงชื่อว่า สัมโพธิปรายโน.
สองบทว่า " เทเว จ มนุสฺเส จ" ได้แก่ เทวโลก และมนุษยโลก.
สองบทว่า "สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา" ได้แก่ การไป ๆ มา ๆ ด้วยอำนาจปฏิสนธิ.
สองบทว่า "ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ" ได้แก่ การทำหนทาง อันเป็นที่สุดแห่ง
วัฏฏทุกข์.
สองบทว่า "อยํ วุจฺจติ" ความว่า บุคคลนี้ คือ ผู้เห็นปานนี้ ท่าน
เรียกชื่อว่า สัตตักขัตตุปรโม แปลว่า ผู้มี 7 ชาติเป็นอย่างยิ่ง. ก็สัตตัก-
ขัตตุปรมบุคคลนี้พึงทราบว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้วด้วยภพที่ปะปนกัน
ด้วยสามารถแห่งเทวโลกและมนุษยโลก ตามกาลอันสมควร.
จบอรรถกถาสัตตักขัตตุปรมบุคคล

[48]

โกลังโกลบุคคล

บุคคลชื่อว่า โกลังโกละ เป็นไฉน ?

บุคคลบางคนในโลกนี้ เพราะความสิ้นไปรอบแห่งสัญโญชน์ทั้ง 3
เป็นโสดาบันมีอันไม่ไปเกิดในอบายเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงจะได้ตรัสรู้ใน
เบื้องหน้า บุคคลนั้นจะแล่นไป ท่องเที่ยวไป สู่ตระกูล สอง หรือ สาม ตระกูล
แล้วทำที่สุดทุกข์ได้ บุคคลนี้เรียกว่า โกลังโกละ.

อรรถกถาโกลังโกลบุคคล


วินิจฉัยในนิเทศแห่ง โกลังโกลบุคคล. บุคคลใดย่อมไปจาก
ตระกูลสู่ตระกูล เหตุนั้นผู้นั้นจึงชื่อว่า โกลังโกละ. อธิบายว่า ก็ชื่อว่า การ
เกิดในตระกูลต่ำจำเดิมแต่การกระทำให้แจ้งซึ่งพระโสดาปัตติผลไปแล้ว ย่อม
ไม่มี ท่านย่อมเกิดในตระกูลที่มีโภคะมากอย่างเดียวเท่านั้น.
คำว่า "เทฺว วา ตีณิ วา กุลานิ" ได้แก่ ไปสู่ 2 ภพ หรือ 3 ภพ
ด้วยอำนาจการเกิดเป็นเทวดาและมนุษย์. โกลังโกลบุคคลแม้นี้ พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าตรัสแล้วด้วยสามารถแห่งมิสสกภพ คือภพที่ปะปนกันนั่นเทียว. ก็ใน
คำว่า "เทฺว วา ตีณิ วา" สักว่าเป็นเทศนาเท่านั้น. โกลังโกลบุคคลนั่น
แหละ ย่อมท่องเที่ยวไปจนถึงภพที่ 6 จึงกระทำทาง คือ มรรคอันเป็นที่สิ้นสุด
แห่งวัฏฏทุกข์ได้.
จบอรรถกถาโกลังโกลบุคคล